Credit by: http://islamhouse.muslimthaipost.com/article/20773
เพื่อน ๆ ทราบหรือไม่คะว่า “พิธีงานศพของชาวมุสลิม” เป็นพิธีที่ต้องจัดขึ้นภายในเวลา 24 ชั่วโมง หรือเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งแตกต่างจากพิธีศพของศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์ที่จัดขึ้นภายใน 3 – 7 วัน แต่น้อยคนนักที่จะทราบถึงเหตุผลที่ว่าทำไมชาวมุสลิมจึงต้องจัดพิธีศพภายในระยะเวลาเพียงแค่ 24 ชั่วโมง วันนี้เลอหรีดจะมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับคติความเชื่อของเหตุผลดังกล่าวกันค่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ตามกันมาเลย…
ก่อนที่เลอหรีดจะมาบอกเล่าถึงเหตุผลในการจัดพิธีงานศพของชาวมุสลิมภายใน 24 ชั่วโมงนั้น เลอหรีดจะมาให้ความรู้เกี่ยวกับคติความเชื่อในเรื่อง “ความตาย” กันก่อนค่ะว่า… ชาวมุสลิมถือว่า “ความตาย” ไม่ใช่เป็นการสิ้นสุดหรือจุดสุดท้ายของชีวิต แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะก้าวไปสู่ชีวิตที่แท้จริงและเป็นนิรันดร์ หรือแปลได้อีกอย่างว่าเป็นการกลับไปสู่ความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้าหรือพระอัลเลาะห์ที่มีชื่อว่า “อายัล” นั่นเองค่ะ นอกจากนั้นยังมีความเชื่อว่าเนื้อแท้ของมนุษย์เป็นวิญญาณ (รูห์) ที่ยังคงสภาพอยู่และเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนย้ายไปสู่ชีวิตใหม่ ไม่ใช่เรือนร่างอันเป็นวัตถุอย่างที่เข้าใจกันค่ะ โดยหลักศรัทธาที่ชาวมุสลิมยังคงยึดถือมาตลอดก็คือการศรัทธาในโลกหน้าหรือการฟื้นคืนชีพหลังความตายเพื่อรับการไต่สวนในการกระทำของตน ซึ่งการเสียชีวิตของชาวมุสลิมถือเป็นการเตือนสติชาวมุสลิมที่ยังมีชีวิตอยู่ให้ตระหนักถึงวันแห่งการตัดสินเรื่องความตายและชีวิตหลังความตายอยู่เสมอค่ะ
ร้านพวงหรีด “หรีดมาลา” ส่งพวงหรีด ฟรี! พื้นที่กรุงเทพ
การจัดพิธีงานศพของชาวมุสลิมมีทั้งหมด 4 ขั้นตอนดังนี้คือ
ชาวมุสลิมเชื่อว่ากายของคนเรานั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ กายหยาบหรือร่างกาย กับกายละเอียดหรือจิตวิญญาณ ซึ่งความตายเป็นการที่กายละเอียดแยกออกจากกายหยาบและไม่สามารถควบคุมกายหยาบได้อีกแล้วค่ะ และเมื่อมีผู้เสียชีวิต ครอบครัวหรือญาติพี่น้องของผู้ล่วงลับจะต้องทำหน้าที่จัดการดูแลกายหยาบของผู้ล่วงลับให้เรียบร้อย นั่นก็คือการอาบน้ำทำความสะอาดศพและห่อด้วยผ้าขาว โดยเป็นหน้าที่เฉพาะเพศเดียวกับผู้ล่วงลับเท่านั้น แต่หากไม่มีบุคคลเพศเดียวกันก็สามารถเป็นหน้าที่ของสามี ภรรยา หรือลูกหลานได้ค่ะ
หลังจากที่ครอบครัวหรือญาติพี่น้องของผู้ล่วงลับก็จะทำหน้าที่ห่อศพด้วยผ้าขาว จากนั้นจึงนำศพของผู้ล่วงลับมาใส่ไว้ในโลงศพค่ะ ซึ่งการประดับตกแต่งโลงศพจะเป็นไปอย่างเรียบง่าย คือ คลุมด้วยผ้าประดับลวดลายโองการจากพระคัมภีร์ หรือตกแต่งด้วยดอกไม้หรือใบไม้ประเภทพืชตระกูลมินต์ที่ให้น้ำมันหอมระเหยอย่าง “ใบโหระพา” อันเป็นสัญลักษณ์ของพืชแห่งสรวงสวรรค์ค่ะ
เมื่อนำศพของผู้ล่วงลับห่อด้วยผ้าขาวและใส่ในโลงศพแล้ว ครอบครัว ญาติพี่น้อง และชาวมุสลิมคนอื่น ๆ ที่มาร่วมงานศพจะทำการละหมาดหรือสวดวิงวอนพระเจ้าเพื่ออุทิศให้แก่ผู้ล่วงลับค่ะ
ชาวมุสลิมจะใช้วิธีการฝังศพเพื่อให้ร่างสลายไปตามธรรมชาติเท่านั้น และจะต้องฝังศพภายใน 24 ชั่วโมง หรือฝังให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนสถานที่ฝังศพหรือสุสานนั้น ชาวมุสลิมเรียกว่า “กุโบร์” ค่ะ ซึ่งกุโบร์นี้ถือเป็นสถานที่แรกที่ดวงวิญญาณจะพำนักรอคอยก่อนเข้าสู่การตัดสินในวันแห่งการพิพากษาที่เกิดขึ้นหลังวันสิ้นโลก โดยจะต้องให้ญาติพี่น้องหรือลูกหลานที่เป็นผู้ชายทำหน้าที่นำศพลงหลุมค่ะ และการฝังศพนี้จะฝังในท่านอนตะแคงให้ส่วนศีรษะและใบหน้าของศพหันไปทางทิศตะวันตก อันเป็นที่ตั้งของวิหารกะบะฮ์ที่ตั้งอยู่ในนครเมกกะค่ะ นอกจากนี้การฝังศพของชาวมุสลิมจะไม่มีการฝังสิ่งของมีค่าต่าง ๆ ลงไปในหลุมศพกับผู้ล่วงลับด้วย เนื่องจากชาวมุสลิมเชื่อว่าสิ่งที่จะติดตัวผู้ล่วงลับไปมีเพียงสามอย่างเท่านั้น ได้แก่ ความศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าและศาสนกิจที่ตนสั่งสมไว้, วิทยาทานหรือกุศลทาน และการมีบุตรที่ดีเพื่อทำหน้าที่ขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้าให้แก่ตนหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้วค่ะ
Credit by: https://zh-cn.facebook.com/nationphoto/posts/10154551829882855/
1. เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในการจัดพิธีศพให้แก่ครอบครัวหรือญาติพี่น้องของผู้ล่วงลับ
2. ป้องกันโรคระบาดจากศพ
3. ชาวมุสลิมจะไม่ใช้วิธีการรักษาสภาพศพเหมือนศาสนาอื่น ดังนั้นเมื่อเสียชีวิตจึงต้องรีบฝัง
4. ไม่ต้องการให้ครอบครัวหรือญาติพี่น้องของผู้ล่วงลับโศกเศร้าเสียใจต่อการจากไปของผู้ล่วงลับนานจนเกินไป
5. การฝังศพจะทำให้ศพย่อยสลายได้อย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าการจัดพิธีงานศพของชาวมุสลิมนั้นจะมีระยะเวลาที่สั้นกว่าการจัดพิธีงานศพในศาสนาอื่น แต่ก็ยังคงมีจุดมุ่งหมายเดียวกันค่ะ นั่นคือ การแสดงความเคารพ ให้เกียรติ และรำลึกถึงคุณงามความดีของผู้ล่วงลับนั่นเองค่ะ