ประกาศเวลาทำการช่วงปีใหม่! 27 - 30 ธ.ค. เปิดให้บริการ 8:00–20:00 น และ 31 ธ.ค. - 1 ม.ค. เปิดให้บริการ 9:00–18:00 น. (จัดส่งรอบเดียว 17.00-18.00 น.)
แม้ว่าในเมืองไทยจะมีวัดวาอารามที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธอยู่มากมาย แต่จะมีวัดไทยสุด Unseen ที่เพื่อน ๆ ไม่ควรพลาด เพราะนอกจากจะได้ทำบุญไหว้พระขอพรกันแล้วยังสามารถชื่นชมความงามที่หาชมได้ยากจากวัดแห่งอื่น ๆ ซึ่งหรีดมาลาได้รวบรวมข้อมูลมาเพียง 10 วัดให้ปักหมุดไปเที่ยวชมกันค่ะ จะเป็นวัดแห่งไหนบ้างนั้น ตามมาชมไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
วัดมหาธาตุ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นวัดไทยสุด Unseen ที่เก่าแก่และสำคัญยิ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญที่สุดในสมัยนั้น ไม่ว่าจะเป็นพระอารามหลวง, ที่ประดิษฐานองค์พระบรมธาตุใจกลางพระนคร และเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช (ฝ่ายคามวาสี) มาตลอดจนสิ้นกรุงศรีอยุธยาค่ะ ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือมี “เศียรพระพุทธรูปในรากต้นโพธิ์” ซึ่งเป็นเศียรพระพุทธรูปหินทรายศิลปะสมัยอยุธยาที่หล่นลงมาอยู่ตรงโคนต้นโพธิ์ข้างพระวิหารสมัยเสียกรุงศรีอยุธยาและรากต้นโพธิ์ได้ขยายโอบล้อมพระเศียรไว้จนเสมือนเป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้มีความงดงามแปลกตา ถือได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่แฝงด้วยความศักดิ์สิทธิ์โด่งดังไปทั่วโลกจนทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างแวะมาชื่นชมความงามด้วยตนเองสักครั้งในชีวิตค่ะ
วัดบางกุ้ง จ.สมุทรสงคราม เป็นวัดไทยสุด Unseen ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตลาดน้ำอัมพวามากนัก สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีค่ะ ซึ่งจุดเด่นของวัดแห่งนี้ที่แตกต่างจากวัดแห่งอื่นก็คือ “โบสถ์ปรกโพธิ์” หรืออุโบสถเก่าแก่ของวัดอายุไม่ต่ำกว่า 200 ปีที่ถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ทั้ง 4 ชนิด ได้แก่ ต้นโพธิ์, ต้นไทร, ต้นไกร และต้นกร่าง โดยรากไม้ของต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ช่วยพยุงให้โบสถ์คงรูปอยู่ได้ ทำให้เมื่อมองจากภายนอกอาจคิดว่าเป็นกลุ่มต้นไม้ใหญ่มากกว่ามีโบสถ์อยู่ข้างใน ถือได้ว่าเป็นโบสถ์ในต้นไม้แห่งเดียวของไทยค่ะ ส่วนภายในโบสถ์ปรกโพธิ์ประดิษฐาน “หลวงพ่อพุทธนิลมณี” หรือรู้จักกันทั่วไปในชื่อ “หลวงพ่อโบสถ์น้อย” หรือ “หลวงพ่อดำ” นั่นเองค่ะ พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสมัยอยุธยาตอนปลาย ถือเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านและผู้คนจากทุกสารทิศต่างเดินทางมาเคารพและกราบไหว้ขอพรกันค่ะ นอกจากนั้นยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่แสดงถึงเรื่องราวพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า เช่น ภาพพระพุทธเจ้าแสดงธรรม และภาพพระพุทธเจ้าประทับนั่งในซุ้ม โดยมีอัครสาวกนั่งพนมมือขนาบข้างทั้งสองข้างอีกด้วยค่ะ
วัดจันทาราม หรือเรียกกันอย่างติดปากว่า “วัดท่าซุง” เป็นวัดไทยสุด Unseen ที่มีชื่อเสียงและงดงามแห่งหนึ่งในจังหวัดอุทัยธานีค่ะ ซึ่งวัดแห่งนี้เริ่มพัฒนาจนเป็นที่รู้จักตั้งแต่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำยังจำพรรษาอยู่และได้สร้างอาคารต่าง ๆ มากมายล้วนแล้วแต่ประดับและตกแต่งอย่างงดงามตระการตา โดยเฉพาะ “วิหารแก้ว 100 เมตร” ที่สร้างไว้ก่อนท่านจะมรณภาพ โดยทั้งวิหารตกแต่งด้วยโมเสกสีขาวใสเล็ก ๆ คล้ายแก้ว ทำให้ดูสวยงามแวววับจับตายิ่งนัก ภายในวิหารแก้วนี้มีพระพุทธชินราชจำลองที่เป็นพระประธานตั้งประดิษฐานให้ผู้คนมากราบไหว้ขอพรอย่างมากมายและยังมีบุษบกโลงแก้วสำหรับเก็บรักษาสังขารร่างที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำด้วยค่ะ เมื่อเดินถัดมาอีกหน่อยก็จะพบ “ปราสาททองคำ” ที่ตกแต่งด้วยทองคำอย่างสวยงาม สำหรับใช้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปที่ญาติโยมผู้มีจิตศรัทธานำมาถวายอีกด้วยค่ะ
วัดถ้ำเขาวงเป็นวัดไทยสุด Unseen อีกแห่งหนึ่งในจังหวัดอุทัยธานี ที่หรีดมาลาอยากจะแนะนำให้มาชมค่ะ เพราะเป็นวัดสวยแปลกตาจากวัดอื่น ๆ ตรงที่หากมองแบบเผิน ๆ จากภายนอกจะดูคล้ายรีสอร์ทเรือนไม้สวย ๆ ขนาดใหญ่ที่มีภูเขาหินปูนล้อมรอบท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามและอากาศเย็นสบาย แต่เมื่อมองดี ๆ แล้วจะดูคล้ายศาลพระภูมิขนาดยักษ์ตั้งอยู่ค่ะ ซึ่งอาคารวัดแห่งนี้มีลักษณะเป็นเรือนไทยยกใต้ถุนสูง 4 ชั้นโดยไล่ระดับตามเนินเขา เมื่อขึ้นไปทางด้านบนวัดจะมีรอยพระพุทธบาทจำลองและพระบรมสารีริกธาตุให้สักการะบูชา นอกจากนี้ภูเขาทางด้านหลังวัดยังมีบันไดให้เดินขึ้นไปชมถ้ำที่ใช้เป็นที่นั่งวิปัสสนาของพระภิกษุสงฆ์หรือพุทธศาสนิกชนที่มาปฏิบัติธรรมค่ะ ส่วนบริเวณโดยรอบวัดมีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์อันสวยงามและร่มรื่น คือมีทั้งสวนหิน สะพานไม้ดัด สวนไม้ดอกและไม้ประดับนานาชนิด
วัดสังกระต่าย เป็นวัดไทยสุด Unseen ในจังหวัดอ่างทอง แต่เดิมมีชื่อว่า “วัดสามกระต่าย” สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้นเมื่อประมาณ 400 ปีมาแล้ว และถูกทิ้งร้างไว้ตั้งแต่เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 มานานกว่า 200 ปี ซึ่งจุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ “ต้นโพธิ์ล้อมโบสถ์” นั่นเองค่ะ สาเหตุที่เรียกเช่นนี้เป็นเพราะตัวโบสถ์นี้มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ทั้ง 4 ต้นขึ้นปกคลุมรอบโบสถ์และแผ่รากชอนไชประสานกันทั้งภายนอกและภายใน เพื่อยึดผนังให้พยุงตัวโบสถ์โบราณทั้งหลังไว้อย่างแน่นหนาและงดงาม ส่วนลำต้นแตกแขนงกิ่งก้านที่เปรียบเสมือนเป็นหลังคาเพื่อปกคลุมให้ร่มเงา โดยภายในโบสถ์แบ่งออกเป็น 3 ห้อง คือ ห้องแรกเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อแก่น, ห้องใหญ่ตรงกลางประดิษฐานหลวงพ่อวันดี ที่เป็นพระประธานองค์ใหญ่ และขนาบข้างทั้งสองฝั่งด้วยหลวงพ่อศรีกับหลวงพ่อสุข และห้องสุดท้ายเป็นห้องของพ่อปู่ฤๅษีอย่างพ่อปู่โสมและพ่อปู่พญานาคที่ชาวบ้านต่างให้ความเคารพนับถือค่ะ
วัดศรีชุม เป็นวัดไทยสุด Unseen ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จังหวัดสุโขทัย มี “พระพุทธอวจนะ” หรือ “พระพุทธรูปพูดได้” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่ภายในมณฑป ว่ากันว่าด้านหลังพระพุทธอวจนะมีอุโมงค์ลับให้ขึ้นไปด้วย โดยมีเรื่องที่เล่าต่อ ๆ กันมาว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงใช้กุศโลบายด้วยการให้คนขึ้นไปพูดด้านหลังพระพุทธรูป เพื่อปลุกขวัญและสร้างกำลังใจให้แก่ทหารก่อนไปออกรบ นอกจากนั้นวัดแห่งนี้ยังเคยใช้เป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ในการประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาอีกด้วยค่ะ ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและความสวยงามนี้เองทำให้นักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมชมและสักการะบูชาอย่างไม่ขาดสายค่ะ
วัดสิรินธรวราราม (ภูพร้าว) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “วัดเรืองแสง” เป็นวัดไทยสุด Unseen ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงก่อนถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองช่องเม็ก ชายแดนไทย-ลาว ในจังหวัดอุบลราชธานี โดยจำลองสภาพแวดล้อมของวัดป่าหิมพานต์ หรือเขาไกรลาศมาไว้ที่นี่ ทำให้กลายเป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งจุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ การได้มาชม “ต้นไม้เรืองแสง” หรือการเรืองแสงสีเขียวของต้นกัลปพฤกษ์ อันเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่อยู่ทางด้านหลังของพระอุโบสถในยามค่ำคืนค่ะ เวลาที่เหมาะในการชมและถ่ายภาพต้นไม้เรืองแสงนี้คือเวลาประมาณ 18.00 – 19.30 น. สำหรับต้นกัลปพฤกษ์นี้เป็นฝีมือการออกแบบของช่างคณากร ปริญญาปุณโณ ที่มีแรงบันดาลใจมาจากต้นไม้แห่งชีวิตในภาพยนตร์เรื่อง “อวตาร” โดยเขายังเป็นผู้ลงมือติดโมเสกแต่ละชิ้นด้วยตนเอง และทาสารเรืองแสงฟอสเฟอร์ (Phosphor) ลงไปที่ต้นกัลปพฤกษ์ ทำให้ต้นกัลปพฤกษ์ดูดแสงแดดในเวลากลางวัน และเรืองแสงอย่างสวยงามในเวลากลางคืนค่ะ
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “วัดพระธาตุผาแก้ว” ค่ะ เป็นวัดไทยสุด Unseen ที่ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาในเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ บริเวณโดยรอบวัดมีทิวทัศน์ภูเขาสูงใหญ่เรียงรายซ้อนกันอย่างสวยงามท่ามกลางทะเลหมอก โดยมีสถาปัตยกรรมโดดเด่นคือการนำกระจก, กระเบื้องสี, มุก-ลูกปัด, แก้วแหวนเงินทอง และเซรามิกหลากสีสันมาประดับตกแต่งเป็นลวดลายสวยงามแปลกตา เมื่อแสงแดดส่องลงมาทั่วอาณาบริเวณจะสะท้อนเปล่งประกายงดงามเลยทีเดียวค่ะ ที่สำคัญไปกว่านั้นยังเป็นที่ประดิษฐานของ “มหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์” มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปสีขาว 5 องค์ นั่งซ้อนกันบนฐานดอกบัว ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นของวัดแห่งนี้ค่ะ
วัดถ้ำเสือ เป็นวัดไทยสุด Unseen ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงในอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ถือได้ว่าเป็นวัดสวยท่ามกลางทุ่งนาและมีชื่อเสียงมากที่สุดของจังหวัดนี้เลยทีเดียว หากเดินทางมากราบไหว้พระที่วัดแห่งนี้ในช่วงฤดูทำนาแล้วล่ะก็…บริเวณโดยรอบวัดจะเต็มไปด้วยทุ่งนาสีเขียวขจีสวยงามมาก ๆ ค่ะ ซึ่งจุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ “หลวงพ่อชินประทานพร” องค์พระพุทธรูปปางประทานพรที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรีประดิษฐานอยู่บนเนินเขา โดยองค์พระนี้ตกแต่งด้วยโมเสกสีทองทั้งองค์อย่างสวยงาม นอกจากนั้นใกล้กับหลวงพ่อชินประทานพรก็ยังมีพระเจดีย์เกศแก้วปราสาทที่มีความโดดเด่นสวยงามและสามารถมองเห็นได้จากในระยะไกล โดยพระเจดีย์นี้เป็นสีอิฐทั้งองค์และแบ่งเป็นชั้นต่าง ๆ และแต่ละชั้นมีพระพุทธรูปต่าง ๆ ประดิษฐานอยู่ภายใน ส่วนด้านบนสุดเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย อีกทั้งยังมีถ้ำเสืออยู่บริเวณเชิงเขาด้านล่าง เป็นถ้ำขนาดเล็กที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปประจำวันเกิดและจำหน่ายวัตถุมงคลค่ะ
วัดพระศรีอารย์ เป็นวัดไทยสุด Unseen ที่ตั้งอยู่ในอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ถือเป็นวัดเก่าแก่มีอายุมานานกว่า 200 ปี ซึ่งความสวยงามของวัดแห่งนี้อยู่ที่ “พระอุโบสถทองคำร้อยล้าน” ค่ะ สาเหตุที่เรียกเช่นนั้นเป็นเพราะอุโบสถนี้สร้างมาจากพลังศรัทธาอันยิ่งใหญ่ของชาวราชบุรีที่มีต่อพระพุทธศาสนาด้วยจำนวนเงินกว่า 100 ล้านบาท โดยใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 37 ปีเลยทีเดียวค่ะ ประกอบกับตัวพระอุโบสถเป็นลายปูนปั้นสีทองทั้งหลัง ตกแต่งด้วยรูปแบบศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลายที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางลานกว้าง ทำให้สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล เมื่อเข้ามาในพระอุโบสถทองคำแล้วก็จะพบ “พระศรีอารย์” พระพุทธรูปคู่วัดอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีพระพุทธลักษณะสมัยคันธาระ กับพระประธานเป็นพระพุทธรูปหยกขาวปางมารวิชัย ศิลปะพม่าที่ได้อัญเชิญจากประเทศพม่ามาประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถนี้ด้วยค่ะวัดพระศรีอารย์ เป็นวัดไทยสุด Unseen ที่ตั้งอยู่ในอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ถือเป็นวัดเก่าแก่มีอายุมานานกว่า 200 ปี ซึ่งความสวยงามของวัดแห่งนี้อยู่ที่ “พระอุโบสถทองคำร้อยล้าน” ค่ะ สาเหตุที่เรียกเช่นนั้นเป็นเพราะอุโบสถนี้สร้างมาจากพลังศรัทธาอันยิ่งใหญ่ของชาวราชบุรีที่มีต่อพระพุทธศาสนาด้วยจำนวนเงินกว่า 100 ล้านบาท โดยใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 37 ปีเลยทีเดียวค่ะ ประกอบกับตัวพระอุโบสถเป็นลายปูนปั้นสีทองทั้งหลัง ตกแต่งด้วยรูปแบบศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลายที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางลานกว้าง ทำให้สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล เมื่อเข้ามาในพระอุโบสถทองคำแล้วก็จะพบ “พระศรีอารย์” พระพุทธรูปคู่วัดอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีพระพุทธลักษณะสมัยคันธาระ กับพระประธานเป็นพระพุทธรูปหยกขาวปางมารวิชัย ศิลปะพม่าที่ได้อัญเชิญจากประเทศพม่ามาประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถนี้ด้วยค่ะ หลังจากทราบข้อมูลเที่ยวชมวัดไทยสุด Unseen ที่หรีดมาลาแนะนำมาแล้ว เพื่อน ๆ ก็อย่าลืมแวะไปชมความงามและไหว้พระทำบุญที่วัดทั้ง 10 แห่งกันได้นะคะ แต่ถ้าใครมีวัดไหนที่ควรค่าแก่การไปเที่ยวพร้อมกับทำบุญแล้วล่ะก็ สามารถแนะนำมาให้รู้จักกันได้ทุกเมื่อเลยค่ะ